ข้อคิดคติเตือนใจ

คนรักคุณ 10 คน ก็ไม่เท่ามีคนเข้าใจคุณแค่คนเดียว

คนรักคุณ 10 คน ก็ไม่เท่ามีคนเข้าใจคุณแค่คนเดียว

สิ่งแรก เพียงคุยกับคนที่เข้าใจคุณในเรื่องที่คุณเข้าใจ คนที่ไม่เข้าใจคุณ คุณสามารถมีอิทธิพลต่อเขา แต่คุณก็ไม่ต้องร้องขอ โลกใบนี้มีผู้คนมากมาย มีคนแค่ 1% ที่เข้าใจคุณ มันเพียงพอแล้ว

เมื่อมารวมตัวกันจะมีพลังที่แข็งแกร่ง เลือกคนที่ศีลเสมอกัน ชีวิตก็จะมีความสุขตลอดไป

สิ่งที่สอง เวลาได้ฟังสิ่งที่ไม่เข้าใจสิ่งที่ไม่รู้ เราจำเป็นต้องมีหัวใจของการสำรวจและการยอมรับ เพราะว่าพวกเขาอาจจะอยู่ในตำแหน่งที่เราไม่เคยไป สิ่งที่เขาได้พบเจอเราไม่เคยเห็น เปิดหัวใจ เปิดความคิด ยอมรับสิ่งที่ต่าง

ในชีวิตคนเรา ต้องเป็นตัวของตัวเอง คนที่ชอบคุณยังไงก็ชอบคุณ คุณที่ไม่ช อ บ คุณก็ปล่อยเขาเถอะ ไม่ต้องโ ก ร ธ แ ค้ น กัน ไม่ต้องกังวล ยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วคุณจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่ างสงบและมีความสุข

เมื่อคุณอยู่กับคนแบบไหน คุณก็จะมีชีวิตแบบนั้น

มีคนบอกว่า “อย ากรู้จักใครสักคน ให้ไปดูว่าเพื่อนเขาเป็นแบบไหน” คนๆ หนึ่งจะเป็นยังไง ครึ่งหนึ่งมาจากความรู้และสังคมที่เขาอยู่ อีกครึ่งมาจากครอบครัว มาจากเพื่อนเพื่อน และหลายๆ ครั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากสิ่งชี้นำ ก็คือ คุณอยู่กับคนแบบไหน ก็จะมีชีวิตเช่นนั้นนั่นเอง

1. เข้าใกล้คนที่ให้พลังบวกแก่คุณ

เพื่อนแท้สามารถให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และมีแพสชั่นในการใช้ชีวิต “ชื่นชมกันและกัน ให้กำลังใจกันและกัน ผู้คนต้องการมีชีวิตที่มหัศจรรย์ สุดท้ายยังไงก็ต้งอาศัยความแข็งแกร่ง”

เพราะว่าการอยู่กับคนที่ทำให้คุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี นั้นสำคัญมาก แต่การอยู่กับคนที่สามารถทำให้ทั้งคู่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ยิ่งสำคัญกว่า

2. อย่ าเสี ยเวลากับคนที่มีพลังงานลบ

นักเขียนคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “พลังงานลบจะทำให้มองเห็นแต่ด้านไม่ ดี ของคนอื่น แต่พลังงานบวกจะบ อ ก คุณหลังคุณพูดจบว่า แม้ว่าจะลำบาก คุณสามารถพย าย ามจะเปลี่ยนมันได้”

คนที่มองโลกในแง่ดี เวลามีคนที่มีพลังงานลบรอบๆตัวมากขึ้นเรื่อยๆ คุณจะเห็นว่าเขาจะแสดงอาการเหนื่อยล้าในไม่ช้า นั่นเป็นเพราได้รับอิท ธิ พ ล จากคนอื่นได้ง่าย

เมื่อต้องอยู่เช่นนี้เสมอ จึงมักเกิด ภ า ว ะ ซึ ม เ ศ ร้ า ได้ง่าย หากเป็นไปได้ ให้ห ลี ก ห่ า ง ออกจากคนที่คิดลบ นี่เป็นทางเลือกในชีวิตที่คุ้มค่า ในเมื่อทุกคนกำลังยุ่ง ใครจะมานั่งฟังคุณบ่นล่ะ

3. ต้องมีแหล่งกำเนิดแสงในใจตัวเอง

เมื่อคุณต้องรับผิ ด ชอบต่อชีวิตตัวเองและเพื่อน คืออย่ าหวังว่าคนอื่นจะสามารถให้แสงสว่างกับคุณ แต่คุณต้องมีแหล่งกำเนิดแสงในใจตนเอง และ แ ผ่ ก ร ะ จ า ย ให้ผู้อื่นด้วย

เหมือนที่มีคนบอกว่า “ถ้าคุณ พิ ก า ร ไม่ใช่ความผิ ดของคุณแม้แต่น้อย แต่การบ่นว่าสังคม เรียกร้องหาความเมตตาจากผู้อื่น จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ คนเราต้องมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ และสร้างประโยชน์สูงสุดจากสถานะที่เป็นอยู่ คนที่วิ่งตามผิเสื้อจะได้เห็น ด อ ก ไม้สวยงาม ส่วนคนที่ตาม แ ม ล ง วั น ก็จะเห็นแต่สิ่ง ส ก ป ร ก นั่นเอง

ขอขอบคุณ postsara