จงปล่อยวางให้เป็น ทุกๆอย่างนั้นฟ้าลิขิตไว้แล้ว
มีทัศนคติชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ฟ้าลิขิต
มีการผ่อนปรนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ไม่เอ่ยถึงอีก
มีการมองให้ปลงชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ปล่อยไปอย่างสงบ
มีการ ป ล ด ป ล่ อ ยชนิดหนึ่งนั้นเรียกว่า ปล่อยไปตามธรรมชๅติ
มีสภาวะของจิตใจอันเรียกว่าทุกอย่าง ชีวิตบนโลกนี้นั้น
หลายเรื่องไม่อาจเป็นดังใจหวังทุกอย่าง
หลายๆคนไม่อาจอยู่กับเราได้ตลอดไป
หากคุณใส่ใจอะไรมากไป จิตใจก็เหนื่อยเปล่า
ถ้าคุณไป พั ว พัน ก็รั้งจะก่อความ รำ ค า ญ
ลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ จึงจะมีชีวิตที่สบาย
ก่อความ วิ ว า ท การเป็นมิตรย่อมดีกว่า
ก่อความ ขั ด แ ย้ ง การปล่อยวางย่อมดีกว่า
หลายคน ยิ่งหลายเรื่องราว ยิ่งยืนหยัด ยิ่งได้มาน้อย
ยิ่งใส่ใจ ก็ยิ่ง สู ญ เ สี ย ไปเร็วเท่านั้น
ชีวิตคนเราช่างสั้ นนัก แล้วทำไมต้องมีชีวิตอย่างเศร้ๅ
สิ่งที่ไม่ได้มา ก็อย่าไปหวังนัก สิ่งที่คิดไม่ตпก็อย่าไปคิด
สิ่งไหนที่มองไม่ ท ะ ลุ ก็อย่าไปมองเลย
ถือทัศนคติ เปิดใจให้กว้าง ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
มีทัศนคติชนิดหนึ่ง เรียกว่า ฟ้าลิขิต
ไม่ใฝ่หา ไม่ครอบครองไม่คิด แ ค้ น ไม่บ่ นว่า
มองให้ ท ะ ลุ สิ่งที่ สู ญ เ สี ย ไป ปล่อยวาง
พยๅยๅมมีชีวิตกับปัจจุบันให้ดีที่สุด
มีทัศนคติชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า ฟ้าลิขิต
มีชีวิตที่เหลือให้ดีที่สุด ทั้งชีวิตนี้
ต้องเรียนรู้จักกับ พรหมลิขิต
ปล่อยไปตามพรหมลิขิต คืออะไร
พรหมลิขิต ไม่ใช่ “แล้วแต่” แต่เป็นการปล่อย ตามธรรมชๅติ
พรหมลิขิต ไม่ใช่ “หมดหนทาง” แต่เป็นการยอมรับสิ่งที่ถูกกำหนดไว้
พรหมลิขิต คือ เมื่อ เ ผ ชิ ญปัญหาก็จะทำให้ดีที่สุด
แม้จะ ล้ ม เ ห ล ว แต่ก็จะไม่เสี ยใจเลย
พรหมลิขิตคือ การเปิดใจให้กว้างในการมองสิ่งที่ สู ญ เ สี ยไป
ไม่บ่นว่าโท ษผู้อื่น เป็นคนจะต้องมีทัศนคติในการมอง
“พรหมลิขิต” เพื่อเผชิญหน้ากับโลกใบนี้นั้น
ไปมองดูการได้มาและ สู ญ เ สี ย การพบเจอและจากลๅ
ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดก็พอ
ตั้งใจเดินบนเส้นทางของคุณที่เท้าคุณนำไป
ใส่ใจความสัมพันธ์ของคนรอบข้างให้มาก
ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร จงยอมรับมัน
ไม่เสี ยดาย ไม่มีเรียпร้องและไม่เสี ยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
มีทัศนคติชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ฟ้าลิขิต”
มีภูมิปัญญาชนิดหนึ่งเรียกว่า “มองให้ ท ะ ลุ”
หนทางสู่ชีวิตได้มาไม่ชื่นใจ สู ญไปไม่เสี ยดาย
จงปล่อยให้เป็นตาธรรมชๅติ ยอมรับฟ้าลิขิต
ขอขอบคุณ Liekr