ธรรมะ

ปฏิบัติธรรมเองที่บ้านยังไง ถึงจะได้บุญมาก

เริ่มต้นปฏิบัติธรรมที่บ้านยังไง ให้ได้บุญมาก

การปฏิบัติธรรมนั้น เพื่อจุดมุ่งหม ายให้พบกับความสุข

จะต้องเข้าใจถึงหลัก ถึงเส้นทางแห่งความสำเร็จ

หรือการที่จะพาไปถึงความสุขนั้นได้จริงๆ

ไม่หลงทางไม่เดินทางผิ ด ในทางธรรมนั้น ก็คือ

อริยมรรค มีองค์ 8 ซึ่งนั่น ก็คือองค์รวมทั้งหมดของการปฏิบัติ

ก่อนที่จะทราบถึงวิธีปฏิบัติ สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือ

ปรับทัศนคติให้ถูกต้องกับการปฏิบัติก่อน

เปรียบกับเราหันหัวรถให้ตรงกับเส้นทาง

ที่เราจะไปเสี ยก่อนจะได้ไม่ผิ ดทิศทาง

ให้ความสำคัญกับ“จิต”ของตนเอง

ในคำสอนของพระอริยสงฆ์ของพระราชวุฒาจารย์

หรือหลวงปู่ ดุล อตุโล ท่านเคยเมตตากล่าวเอาไว้ว่า

“จิตนั้นคือสิ่งสูงสุด เป็นพุทธะที่แท้จริง”

หม ายความว่าจิตที่บริสุทธิ์ปราศจากกิเล สใด ๆ

แล้วคือเป็นสิ่งที่สูงสุดในพระพุทธศาสนาคือ

ดับแล้วซึ่งกิเ ลสทั้งสามกองใหญ่ ๆ คือ โล ภ โกร ธและหลง

การที่เน้นปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้บุญอย่ างถึงที่สุด

ผู้ที่มีสัมมาทิฐิจะมุ่งเน้นให้จิตสะอาดปล่อยวางจากสิ่งต่างๆได้

คือพิจารณาว่า “ทุกสิ่งทุกอย่ างไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนไม่มีอะไรเป็นของเราเลย”

เมื่อเรารักษ าความคิดของเราให้สามารถปล่อยวางได้แล้ว

ความรู้สึก เสี ยใจ น้อยใจ โกร ธ โล ภ หลง

และรักอันเป็นต้นเหตุแห่งความทุ กข์ทั้งหมดก็จะสามารถหมดไปได้เองโดยธรรมชาติ

ให้ความสำคัญต่อข้อปฏิบัติธรรมต่างๆ ที่ต้องพึงปฏิบัติสม่ำเสมอ

เมื่อให้ความสำคัญถึงเรื่องจิตว่าจะทำให้สะอาดได้อย่ างไร

ก็จะทำให้น้อมนำมาสู่วิธีการที่ถูกต้องที่จะพึงปฏิบัติที่จะต้องทำให้สม่ำเสมอด้วย

ยกตัวอย่ างเช่น การ ส ว ด ม น ต์ ก็จะไม่สว ดเพื่อมุ่งหวังในเมตตามห านิยม

หรือการ ส ว ด อ้อนวอนเพื่อขอลาภขอทรัพย์หรือหวังให้มีอานุภาพฤทธิ์ใด ๆ

แต่จะมุ่งเน้นให้จิตตั้งมั่นเกิดสมาธิ จิตจดจ่ออยู่กับการส วดเท่านั้น

หรือการนั่งสมาธิทำจิตให้สงบ จะไม่หวังเห็นนิมิตหรือหวังสร้างอภินิหารใดๆ

ให้เกิดขึ้นแต่มุ่งเน้นให้จิตสามารถนิ่ง ๆ อันเป็นพื้นฐานใน การเจริญปัญญาต่อไป

ประการต่อมาก็คือ ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ได้ผลจริงนั้นควรมีระเบียบวินัยใน การปฏิบัติธรรมด้วย

โดยจะพึงปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้รู้จริงมากที่สุดโดยไม่เห็นแก่สิ่งใด

ผู้คิดจะปฏิบัติธรรมคือ หมั่นรักษ าการปฏิบัติโดยไม่เห็นแก่ความหนาว

ไม่เห็นแก่ความร้อน ไม่เห็นแก่ความง่วงไม่เห็นแก่ความหิว หรือสิ่งอื่นใด

อันเป็นข้ออ้างที่จะขวางกั้นเพื่อการปฏิบัติให้เกิดผล

ซึ่งหม ายความรวมถึงการดำรงชีวิตในชีวิตประจำวันด้วย

ให้ความสำคัญกับครูบาอาจารย์ผู้ที่ให้ความรู้และวิธีการใน การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง

คำว่า “พระพุทธศาสนา” นั้นแปลว่า “ศาสนาที่มีผู้รู้แจ้งรู้จริงอยู่”

ดังนั้น การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลอย่ างแท้จริงนั้นจำเป็นต้องมี “ผู้รู้”

หรือครูบาอาจารย์คอยให้คำแนะนำ ซึ่งประการสุดท้ายนี้

นับว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดข้อหนึ่งเลยทีเดียว

เพราะแม้แต่พระภิกษุ ก ร ร ม ฐานผู้ที่พึงเน้นเรื่องการปฏิบัติธรรมเพื่อการ ห ลุ ด พ้ น

ท่านเหล่านั้นยังจำเป็นต้องมีผู้รู้หรือผู้ชี้นำให้ปฏิบัติไปได้อย่ างถูกทิศทาง

เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้หลงผิ ดไปได้

ปฏิบัติธรรมตามหลักมรรค 8 ให้ครบอย่ าให้ข าด

บางคนชอบนั่งสมาธิเจริญสติอย่ างเดียว แต่ไม่มีฐานของสมาธิ

ไม่มีศีลเป็นพื้นฐานทำให้กำลังการปฏิบัติไม่พอเมื่อกำลังไม่เพียงพอ

การปฏิบัติก็ไม่ได้ผล แล้วจะนำธรรมไปใช้ในชีวิตประจำวัน ก็ ไ ร้ ปั ญ ญ า

ไม่มีความ แ ห ล ม ค ม บ ก พ ร่ อ ง อยู่เรื่อย สุดท้ายต้องกลับมาใช้ชีวิต

ตาม ก ร ะ แ ส โลก เวลาปฏิบัติธรรมจึงต้องมี “มรรคสามัคคี”

ทำให้ครบทุกข้อ พระพุทธองค์ท่านว่าไว้ 8 ข้อก็ทำไปตามนั้น

 

ขอขอบคุณบทความดีๆ :  ธ.ธรรมรักษ์ , ละมุนละไม